รู้ทันภัยร้าย "มือถือถูกควบคุมจากระยะไกล" พร้อมวิธีป้องกันด้วยตัวเอง

ในยุคที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงระบาดอย่างต่อเนื่อง มิจฉาชีพมีหลากหลายรูปแบบในการหลอกลวง ไม่ว่าจะเป็นการแอบอ้างให้โอนเงิน หรือชวนลงทุนเพื่อผลตอบแทนลวงตา ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่มัก “หลงเชื่อและทำธุรกรรมด้วยตนเอง”

แต่มีอีกหนึ่งภัยที่ร้ายแรงกว่านั้น คือการที่มิจฉาชีพสามารถ "ควบคุมมือถือของเหยื่อจากระยะไกล" และเข้าใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพื่อโอนเงินออกโดยที่เหยื่อไม่รู้ตัว

ภัยลักษณะนี้สะท้อนว่า “การป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นเข้าถึงมือถือและแอปการเงินของเรา” เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทจึงขอแนะนำแนวทางป้องกันที่เข้าใจง่ายและสามารถทำได้ด้วยตนเอง เพื่อช่วยให้ทุกท่านสามารถรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลและทรัพย์สินของตัวเอง

สำหรับผู้ใช้ iOS (iPhone/iPad)

Face ID Require

เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยล็อกแอปที่รองรับ Face ID หรือ Touch ID เพื่อป้องกันการเข้าถึงจากผู้อื่น

วิธีตั้งค่า

1.ไปที่หน้า Home แล้วหาแอปที่ต้องการล็อก

2.กดค้างที่ไอคอนแอป

3.เลือก “App Info” หรือ “App Settings”

4.เปิด “Require Face ID” หรือ “Require Authentication”(ขึ้นกับแต่ละแอป)

หมายเหตุ:

• ไม่ใช่ทุกแอปรองรับฟีเจอร์นี้
• ใช้ได้เฉพาะ iPhone รุ่นที่อัปเดต iOS 17.4 ขึ้นไป (iPhone X ขึ้นไป)

วิธียกเลิก

ทำตามขั้นตอนเดิม แล้วเลือก “Off” หรือ “Disable” เพื่อปิดการล็อก

สำหรับผู้ใช้ Android

ล็อกแอปด้วยรหัส / ลายนิ้วมือ / Face Unlock

เหมาะกับมือถือยี่ห้อ: Samsung, Xiaomi, OPPO, Vivo, Huawei

วิธีตั้งค่า:

1.เข้า "Settings"

2.ไปที่ "App Lock" / "Secure Folder" / "Privacy" (ขึ้นอยู่กับรุ่นมือถือ)

3.เลือกแอปที่ต้องการล็อก เช่น LINE, Facebook

4.ตั้งรหัส / สแกนนิ้ว / สแกนใบหน้า เพื่อปลดล็อกแอป

Guest Mode (โหมดผู้เยี่ยมชม)

ใช้เมื่อต้องให้ผู้อื่นยืมโทรศัพท์ชั่วคราว

วิธีตั้งค่า

1.เข้า "Settings"

2.เลือก "System"

3.เลือก "Multiple Users"

4.เลือก "Guest Mode"

การป้องกันเหล่านี้ ช่วยหยุดภัยได้ หากคุณมีแอปที่เกี่ยวข้องกับการเงิน หรือข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ

- บัตรเครดิต ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวน ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

- สินเชื่อส่วนบุคคล กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยปกติ 25% ต่อปี